Search Intent หรือ User Intent เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากเพื่อการจัดอันดับ SEO ในปัจจุบัน แต่น่าแปลกใจที่หลายคนกลับมองข้ามเรื่องนี้ ไม่ได้มีการวิเคราะห์ วางแผนและปรับปรุงให้เหมาะสม, ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Search/User Intent วิธีการใช้ประโยชน์ การสร้างเนื้อหาบนเว็บไซต์และการปรับปรุงให้ถูกต้องเหมาะสม เพื่อการจัดอันดับ SEO ที่ดียิ่งขึ้นบน Google Search
Search Intent คือ อะไร ?
Search Intent คือ เจตนาของการค้นหา เป็นสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังการใช้ ข้อความค้นหา (Query) ในรูปแบบต่าง ๆ บน Search Engine เช่น บางคนค้นหาข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ บางคนค้นหาข้อมูลเพื่อการซื้อ, บางครั้งเรียกว่า User Intent (เจตนาของผู้ใช้งาน) ซึ่งสามารถใช้แทนกันได้
User Intent สำคัญแค่ไหน ?
เป้าหมายของ Google คือ การให้ผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับการค้นหามากที่สุดแก่ผู้ใช้งาน หากคุณต้องการมีอันดับที่ดีบน Google Search ได้รับการเข้าชมที่ถูกต้องแม่นยำจากกลุ่มเป้าหมาย เพื่อส่งเสริมการขายและให้บริการในธุรกิจของคุณแล้วล่ะก็ การสร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกับ User Intent หรือ Search Intent เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด แต่น่าแปลกใจที่หลายคนมักจะมองข้ามมันไปอย่างน่าเสียดาย
ประเภทของ Search Intent
Search Intent สามารถแบ่งประเภทออกตามลักษณะของการค้นหาได้ดังต่อไปนี้
ข้อมูล, ข่าวสาร (Informational)
ผู้ใช้งาน “ค้นหาหาข้อมูล” เพื่อหาคำตอบสำหรับคำถามง่าย ๆ แต่ไม่ใช่ว่าคำค้นหาทั้งหมดจะอยู่ในรูปแบบคำถามนะครับ
ตัวอย่าง:
- จัสติน ทิมเบอร์เลค คือใคร
- ทางไปร้านอิซากายะ
- วิธีตัดผมด้วยตัวเอง
- ผลบอล
- wordpress
การนำทาง (Navigational)
ผู้ใช้งาน “ค้นหาเว็บไซต์ที่เฉพาะเจาะจง” พวกเขาอาจคิดว่าการพิมพ์คำค้นหาใน Google นั้นง่ายและเร็วกว่าการพิมพ์ URL ของเว็บไซต์ใน Address Bar ของ Browser หรือบางทีอาจไม่แน่ใจเกี่ยวกับ URL ที่ถูกต้องของเว็บไซต์เหล่านั้น
ตัวอย่าง:
- twitter login
- facebook gaming
- pantip หุ้น
- wongnai travel
- kerry เลขพัสดุ
การตรวจสอบเพื่อการซื้อ (Commercial investigation)
ผู้ใช้งาน “ค้นหาสินค้าหรือบริการที่เฉพาะเจาะจง แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าตัวเลือกใดเหมาะสมกับพวกเขา” มักจะมองหาความคิดเห็นและการเปรียบเทียบ กำลังอยู่ในโหมดชั่งน้ำหนักตัวเลือก
ตัวอย่าง:
- หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี
- รีวิวเครื่องฟอกอากาศ
- line man vs foodpanda
- 10 อันดับ ร้านอาหารเยาวราช
การทำธุรกรรม (Transactional)
ผู้ใช้งาน “ค้นหาเพื่อจะทำการซื้อ” เรียกได้ว่ากำลังอยู่ในโหมดพร้อมจ่าย, ส่วนใหญ่พวกเขารู้อยู่แล้วว่าต้องการซื้ออะไร แค่กำลังมองหาแหล่งจำหน่าย
ตัวอย่าง:
- ซื้อ ipad pro
- คูปอง line man
- ปัตตาเลี่ยน wahl pro basic ราคาถูก
- walking pad xiaomi ราคา
NOTE: เป้าหมายของการสร้างเนื้อหาของคุณตรงกับลักษณะไหน ก็ให้เลือกใช้ ข้อความค้นหา (Query) / คำค้นหา (Keywords) ตามลักษณะนั้น จะช่วยให้สามารถบูสต์อันดับผลการค้นหาและทราฟฟิกได้อย่างมาก ได้ผู้ใช้งานที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดอีกด้วย
การวิเคราะห์ Search Intent เพื่อทำ SEO
ในการทำ SEO เราสามารถมองเห็น Search/User Intent ที่ซ่อนอยู่ในลักษณะของ ข้อความค้นและคำค้นหา ได้อย่างชัดเจน เหมือนดังตัวอย่างด้านล่างนี้
ตัวอย่าง: ใช้ข้อความค้นหา “ซื้อ i pad pro” ชัดเจนว่าผู้ใช้งานต้องการซื้อสินค้า (Transactional) ในทางตรงกันข้าม ใช้ข้อความค้นหา “วิธีตัดผม” กำลังมองหาข้อมูล (Informational)
ลักษนะของ คำค้นหา (Keyword) ทั่วไปที่ช่วยให้เราวิเคราะห์เพื่อแยก เจตนาของการค้นหา ได้ง่ายขึ้น
ข้อมูล |
การนำทาง |
การตรวจสอบเพื่อการซื้อ |
การทำธุรกรรม |
วิธี | ชื่อแบรนด์ | สุดยอด | ซื้อ |
อะไร | ชื่อเว็บ | ที่ดีที่สุด | สั่งซื้อ |
ใคร | ชื่อหมวดหมู่ | ลักษณะของสินค้า เช่น ขนาด, รุ่น, สี | คูปอง |
ยังไง | ชื่อสินค้า | การเปรียบเทียบ | ชื่อร้าน |
ที่ไหน | ชื่อบริการ | ราคา | |
ทำไม | การตีราคา | ||
คู่มือ | |||
สอน | |||
ไอเดีย | |||
เทคนิค | |||
เรียน | |||
ตัวอย่าง |
การปรับแต่งเนื้อหา ที่ทำ SEO ให้สอดคล้องกับ User Intent
“User Intent เป็นตัวกำหนดประเภทของเนื้อหาที่คุณสร้าง” เมื่อจะสร้างเนื้อหาเพื่อทำ SEO ให้คิดไว้ก่อนล่วงหน้า (มองไปยังอนาคต ) ว่าเนื้อหาที่เรากำลังจะสร้าง หรือกำลังจะปรับปรุง จะถูกใช้เพื่อเจตนาใด? เพื่อให้ข้อมูล? ขายสินค้าหรือบริการ? ต้องการทราฟฟิคจากผู้ใช้งานประเภทใด?
วิเคราะห์ ข้อความค้นหา (Query) / คำค้นหา (Keywords)
เลือกใช้งาน ข้อความค้นหาและคำค้นหา ให้เหมาะสมกับประเภทของเนื้อหาที่คุณต้องการ สร้าง/ปรับปรุง เพื่อให้ตอบ เจตนาของผู้ใช้งาน
เลือกชนิดของหน้าเนื้อหา (Post/Page)
คำค้นหา เพื่อให้ข้อมูล (Informational)
- โพสต์บล็อก (Blog Post)
คำค้นหา เพื่อให้ตรวจสอบก่อนการซื้อ (Commercial investigation) เลือกใช้
- โพสต์บล็อก (Blog Post)
- หน้าเว็บปกติ (Regular Page)
คำค้นหา เพื่อให้ทำธุรกรรม (Transactional) เลือกใช้
- หน้าผลิตภัณฑ์ (Product Page)
- หน้าหมวดหมู่สินค้า (Category Page)
- หน้าบริการ (Service Page)
- แลนดิ้งเพจ (Landing Page)
เลือกรูปแบบของเนื้อหา
เลือกรูปแบบของเนื้อหาที่เราจะเขียน ว่าจะให้ออกมาในลักษณะไหน เช่น
- การแนะนำ
- การแสดงความเห็น
- การรีวิว
- การเปรียบเทียบ
- Top List
- วิธีใช้
- บทเรียนทีละขั้นตอน
สร้างจุดขายให้กับเนื้อหา
สร้างจุดขายที่ไม่เหมือนใครให้กับเนื้อหาของคุณ ทำให้เนื้อของคุณน่าสนใจและชวนให้ติดตาม มากกว่าเนื้อหาของเว็บไซต์อื่น ๆ
การสร้างจุดขายของเนื้อหา:
- เนื้อหาที่ตรงประเด็น
- สไตล์การเขียนที่น่าติดตาม
- โครสร้างเนื้อหาที่อ่านง่าย
- การใช้มีเดีย สร้างความประทับใจ เช่น รูปภาพ วิดีโอ พอดแคสต์
- ฯลฯ
สร้างจุดเด่นให้กับตัวอย่างเนื้อหา
สร้างจุดเด่นให้กับตัวอย่างเนื้อหาของคุณ ที่แสดงบนหน้าผลการค้นหา (SERP) เมื่อมีการค้นหาบน Google Search เช่น “วิธีทำข้าวหมกไก่” ผู้ใช้งานจะพบ วิธีทำข้าวหมกไก่ มากมายจนเลือกไม่ถูก จากนับพันเว็บไซต์ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องและถูกจัดอันดับในคำค้นหานี้เช่นเดียวกันกับเว็บไซต์ของคุณ เพราะฉนั้นเราต้องโดดเด่นที่สุดจึงจะอยู่รอดและมีอันดับที่ดีกว่าเว็บไซต์อื่น ๆ
การสร้างความโดดเด่นให้กับตัวอย่างเนื้อหา:
- ตั้งหัวข้อ (Title Tag) ให้ดึงดูด
- เขียนคำอธิบาย (Meta Description) ให้น่าสนใจ
- ใช้งาน Rich Snippet เพื่อสร้างความโดดเด่น
ทั้งหมดนี้เรียกว่า การเพิ่มอัตรา Click-Through Rate
สรุป
Search Intent เป็นเรื่องที่คนทำ SEO อย่างเราควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการสร้างเนื้อหาหรือปรับปรุงเนื้อหา ให้ตอบโจทย์พฤติกรรมการค้นหาจากผู้ใช้งานจริงบน Google Search, การที่เราสร้างเนื้อหาโดยคำนึงถึง User Intent (เจตนาของผู้ใช้งาน) เป็นหลัก จะทำให้เราได้รับทราฟฟิคและกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างรายได้และเพิ่มผลกำไรให้กับเว็บไซต์ธุรกิจมากยิ่งขึ้น … แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับผม
ขอขอบคุณ ข้อมูลบางส่วนจาก: ahrefs.com