หลายท่านคงทราบว่า Google สามารถเปลี่ยน Title Tag และ Meta Description ของเว็บไซต์ ที่ปรากฏในหน้าผลการค้นหา (SERP: Search Engine Results Page) ได้ เราจะมาดูกันว่าเพราะเหตุใด กูเกิล จึงเปลี่ยนชื่อเรื่องและคำอธิบายของคุณ พร้อมทั้งวิธีการแก้ไขอย่างง่ายในบทความนี้
ทำไม Google จึงเปลี่ยน Title Tag, Meta Description ของคุณ ?
มีเหตุผลใหญ่ ๆ อยู่ 5 ประการณ์ ที่ทำให้ Google เปลี่ยน Title Tag, Meta Description ของคุณ เพื่อให้เหมาะสมกับการแสดงผลบน หน้าผลการค้นหา ได้อย่างสมบูรณ์
ไม่ตรงกันกับเนื้อหาภายใน
เป้าหมายของ ตัวอย่างข้อมูล ที่เราเรียกว่า SERP Snippet ไม่ว่าจะเป็น Title, Description และอื่น ๆ บนหน้าผลการค้นหา ของ Google Search คือ การแสดงและอธิบายผลลัพธ์แต่ละรายการให้ดีที่สุด ว่าเกี่ยวข้องกับข้อความค้นหาของผู้ใช้อย่างไร
หาก Title และ Description ที่คุณเขียน บ่งชี้ว่า “ไม่ได้แสดงถึงความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาภายในอย่างเพียงพอ” Google จะเปลี่ยนมันโดยใช้อัลกอริทึมของพวกเขา แทนที่ชื่อเรื่องและคำอธิบายของคุณ ด้วยคำหรือวลีที่แสดงถึงความเกี่ยวข้องมากกว่า โดยอ้างอิงจากเนื้อหาภายในหน้า
ข้อมูลเพิ่มเติม Google Search Central
ยาวเกินไป
ความยาวของ Title Tag (ชื่อเรื่อง) จะถูกตัดทอนหลังจาก 60-70 อักขระ
คำนวณในแบบ Pixels
- Desktop หลังจาก 554 Pixels
- Mobile หลังจาก 561 Pixels
- Tablet หลังจาก 551 Pixels
ความยาวของ Meta Description (คำอธิบาย) จะถูกตัดทอนหลังจากประมาณ 160 อักขระ
คำนวณในแบบ Pixels
- Desktop หลังจาก 1005 Pixels
- Mobile หลังจาก 752 Pixels
- Tablet หลังจาก 750 Pixels
ตัวอย่าง ชื่อเรื่องและคำอธิบายที่ยาวเกินไปและถูกตัดทอน
สั้นเกินไป
ในกรณีที่สั้นเกินไปอ้างอิงตามความยาวของอักขระ จากหัวข้อด้านบน
ซ้ำกันและใช้บ่อยเกินไป
การซ้ำกันทั้งภายในและภายนอกเว็บไซต์ (ซ้ำกับคู่แข่ง)
Keyword Stuffing
การยัดคีย์เวิร์ดที่ชัดเจนอย่างโจ่งแจ้งมากเกินไป
ไม่ได้ระบุชื่อเรื่องหรือคำอธิบาย
ในกรณีที่คุณลืมระบุชื่อหรือคำอธิบาย Google จะดึงข้อมูลจาก องค์ประกอบ HTML และเนื้อหาภายในหน้า มาแสดงเทน
วิธีการตรวจสอบ
การตรวจสอบ Title Tag และ Meta Description สามารถทำได้หลากหลายวิธี โดยวิธีที่ง่ายที่สุดมีดังต่อไปนี้
- สำหรับเว็บไซต์ที่เป็น WordPress ใช้ปลั๊กอิน SEO เช่น Yoast, Rank Math อื่น ๆ
- สำหรับเว็บไซต์ทุกประเภท ใช้เครื่องมือ SEO Spider ของ Screaming Frog
ตัวอย่าง ใช้ Rank Math ในการตรวจสอบ
เขียน Title Tag, และ Meta Description (รวมทั้ง Permalink)
ทดสอบการแสดงผลบน Desktop SERP
ทดสอบการแสดงผลบน Mobile SERP
ตัวอย่าง ใช้ Screaming Frog ในการตรวจสอบ
NOTE: Screaming Frog โปรแกรมรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ (SEO Spider) ใช้ได้ฟรี 500 หน้า/เว็บ ดาวน์โหลดที่นี่
ไปที่แท็บ Page Titles -> ฟิลเตอร์ Over 554 Pixels
เลือกหน้าเว็บที่ต้องการ -> ไปที่แท็บ SERP Snippet
-> เลือก Device ที่ต้องการทดสอบการแสดงผล (Desktop, Mobile, Desktop)
วิธีแก้ไข
มีคำแนะนำง่าย ๆ สำหรับการแก้ไข ชื่อเรื่องและคำอธิบาย ที่ถูกเปลี่ยนโดย Google ดังต่อไปนี้
เขียนให้มีความยาวเหมาะสม
ชื่อเรื่องและคำอธิบาย ควรมีความยาวที่เหมาะสม เพื่อการแสดงผลที่สมบูรณ์แบบ บนหน้าผลการค้นหา
เขียนไม่ให้ซ้ำใคร
ชื่อเรื่องและคำอธิบาย ควรมีความแตกต่างกันในทุกหน้าภายในเว็บไซต์ และแตกต่างจากคู่แข่ง
เขียนให้สื่อความหมายถึงเนื้อหาภายใน
อธิบายสิ่งที่ผู้ใช้จะพบในหน้านั้นอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา และครอบคลุม
เขียนให้อ่านง่าย
อย่าใช้ตัวอักษรพิเศษ, Emoji, ตัวพิมพ์ใหญ่ มากเกินไป นั่นจะทำให้เว็บไซต์ของคุณดูเป็นสแปม
เขียนเพื่อประสบการณ์ของผู้ใช้เป็นหลัก
ให้ความสำคัญกับผู้ใช้เป็นหลัก เครื่องมือค้นหารองลงมา
วางคีย์เวิร์ดให้ถูกตำแหน่ง
วางคีย์เวิร์ดที่สำคัญที่สุดไว้ด้านหน้า เพื่อให้ Google ทราบว่า เราให้น้ำหนักกับคีย์เวิร์ดนี้มากกว่าส่วนอื่น ๆ ที่เหลือ
แยกคีย์เวิร์ดให้ชัดเจน
Google แนะนำว่า หากคุณมีมากกว่า 1 คีย์เวิร์ด ที่ต้องการวางไว้ใน ชื่อเรื่องหรือคำอธิบาย ให้ใช้ยัติภังค์ (-), คอมมา (,) หรือ โคลอน (:) ในการคั่น
ใช้ชื่อแบรนด์ในบางกรณี
ในกรณีที่คุณมีที่ว่างด้านท้ายชื่อเรื่อง สามารถวางชื่อบริษัทหรือแบรนด์ต่อท้ายได้ เพื่อเพิ่มความยาวชื่อเรื่องให้เหมาะสม และสร้างความแตกต่าง
กรณีที่ หน้าเพจนั้นๆ โดน index – seo title ไปแล้ว สามารถ แก้ title หรือ meta ได้หรือไม่ครับ จะส่งผลต่ออันดับหรือไม่ ครับ
ขอบคุณครับ
สามารถแก้ไขได้ครับ จากนั้นให้ทำการส่งลิงก์หน้าเพจนั้น ๆ ไปยัง Google Search Console ของเรา เลือก Test Live และทำการ Request Indexing อีกครั้ง
เพื่อให้ Google มาเก็บข้อมูลของ Title และ Meta ใหม่ที่เราเพิ่งแก้ไข
–
ส่งผลต่ออันดับครับ (ขึ้นอยู่กับปัจใจอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เนื้อหาภายใน, Backlink ที่มี)