ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับ Featured Snippets (ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ) กลยุทธ์ในการทำอันดับ SEO ในตำแหน่งศูนย์ (Position Zero) บนหน้าผลการค้นหาของ Google Search
Featured Snippets คือ ?
Featured Snippets เป็น ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ แบบสั้น ๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งปรากฏอยู่ด้านบนของผลการค้นหาของ Google Search เพื่อตอบคำถามของผู้ค้นหาอย่างรวดเร็ว เนื้อหาที่ปรากฏภายใน ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ จะถูกดึงมาจากหน้าเว็บในดัชนีของ Google โดยอัตโนมัติ ตัวอย่างข้อมูลแนะนำประเภททั่วไป ได้แก่ คำจำกัดความ, ตาราง, ขั้นตอนและรายการ (ลิสต์)
Featured Snippets มีความสำคัญกับ SEO อย่างไร ?
Featured Snippets สร้างโอกาสที่จะทำให้หน้าเว็บไซต์ของคุณได้รับอัตราการคลิกผ่าน (CRT: Click-Through Rate) ที่เพิ่มมากขึ้นจากผลการค้นหาทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องมีอันดับที่สูงบน Google Search
หรือที่เรียกกันว่า ตำแหน่งศูนย์ (Position #0) เนื่องจากอยู่เหนือตำแหน่งที่หนึ่ง (Position #1) แบบดั้งเดิมของผลการค้นหา
จากข้อมูลการทดลองของ Search Engine Land, Featured Snippets ได้รับอัตราการคลิกผ่านมากถึง 8.6% ของการคลิกทั้งหมด
(ภาพจาก: Ahrefs)
ดังนั้นหากคุณสามารถทำให้เนื้อหาของคุณแสดงผลบน Featured Snippets ได้ จะทำให้คุณสามารถเพิ่มอัตราการคลิกผ่านทั่วไปของหน้าเว็บไซต์ได้อย่างมาก
ประเภทของ Featured Snippets
Featured Snippets มี 4 ประเภทหลัก ที่ปรากฏบ่อยที่สุดในผลการค้นหาของ Google Search
Definition Box (กล่องคำจำกัดความ)
ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ค้นหาได้รับข้อมูลโดยตรงของคำจำกัดความหรือคำอธิบายที่สั้นและกระชับ
ตัวอย่าง
โดยเฉลี่ย Featured Snippet ประเภทนี้ มีความยาวระหว่าง 40-60 คำ
Table (ตาราง)
ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ ที่ Google ดึงข้อมูลมาจากตารางบนหน้าเว็บและแสดงในรูปแบบของตาราง
ตัวอย่าง
Ordered List (รายการแบบเรียงลำดับ)
ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ ของรายการที่นำเสนอแบบเรียงลำดับ Google มักจะใช้ Featured Snippet ประเภทนี้ สำหรับเนื้อหาที่แสดงขั้นตอนต่าง ๆ
ตัวอย่าง
นอกจากนี้ยังใช้สำหรับจัดอันดับสิ่งต่าง ๆ ตามลำดับที่เฉพาะเจาะจง
ตัวอย่าง
Unordered List (รายการแบบไม่เรียงลำดับ)
ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ ของรายการที่นำเสนอแบบไม่เรียงลำดับ แสดงเป็นรายการง่าย ๆ โดยไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม
ตัวอย่าง
วิธีปรับแต่ง SEO สำหรับ Featured Snippets
การเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาบนหน้าเว็บให้มีโอกาสในการแสดงผลบน Featured Snippets
ค้นหาผลการค้นหา ที่แสดงผลแบบ ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ
ขั้นตอนแรก คุณต้องค้นหาผลการค้นหาที่มี ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ อยู่แล้ว ด้วยวิธีนี้คุณจะรู้ได้ว่า Google ต้องการแสดง ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ สำหรับ Keywords ใดบ้าง และตัวอย่างข้อมูลประเภทใดที่ Google มักจะแสดงสำหรับ Keywords นั้น ๆ (คำจำกัดความ, รายการ ฯลฯ ) ซึ่งจะทำให้คุณสามารถจับจุดการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาในหน้าเว็บสำหรับตัวอย่างข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายยิ่งขึ้น
ตัวอย่าง เช่น เมื่อคุณค้นหา “วิธีทําไข่ลวก ใส่โจ๊ก” คุณจะเห็นว่า Google มี ตัวอย่างข้อมูลแนะนำแบบเรียงลำดับ ที่ด้านบน
มี 2 วิธีในการค้นหาผลการค้นหา ที่มี ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ
- คุณสามารถค้นหาโดยใช้ Keywords ทีละคำ บน Google Search และจดว่าผลลัพธ์ของ Keywords นั้นมี ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ หรือไม่
- ใช้เครื่องมือ เช่น Ahrefs ในการค้นหา คุณสามารถกรอง Keywords ที่มีตัวอย่างข้อมูลแนะนำได้
เพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาสำหรับ ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ ที่เจาะจง
เพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาบนหน้าเว็บของคุณ เพื่อให้ Google เลือกเนื้อหาของคุณไปแสดงบน ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ, วิธีเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาสำหรับ ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ ยอดนิยม มีดังต่อไปนี้
Definition Box (กล่องคำจำกัดความ)
สร้างข้อมูลสั้น ๆ (40-60 คำ) สำหรับ Google โดยเฉพาะ เพื่อให้ Google นำไปใช้ใน ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ ได้โดยตรง เช่น มีหัวข้อ “… คืออะไร?” ตามด้วยคำตอบสั้น ๆ (คำจำกัดความ/คำอธิบาย)
ตัวอย่าง
สิ่งเดียวที่ควรจำไว้คือ การเขียนคำจำกัดความหรือคำอธิบาย อย่าใส่ความคิดเห็นส่วนตัวของคุณลงไป ควรเขียนคำจำกัดความให้เหมือนกับในพจนานุกรม (เว็บไซต์ส่วนใหญ่ดึงคำจำกัดความมาจากพจนานุกรรม)
Table (ตาราง)
Google มีแนวโน้มที่จะดึงเนื้อหามาจากตารางบนหน้าเว็บ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ Google ไม่ได้รวบรวมข้อมูลจากส่วนต่าง ๆ ของหน้าเว็บแล้วมาสร้างเป็นตาราง แต่กลับดึงข้อมูลโดยตรงจากตารางที่มีอยู่แล้วบนหน้าเว็บของคุณมาแสดง
ตัวอย่าง
ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ
บนหน้าเว็บจริง
วิธีเขียนโค้ดเพื่อนำเสนอข้อมูลแบบตารางเหล่าขึ้นอยู่กับประภทของเว็บไซต์หรือ CMS โดยทั่วไปแล้วจะใช้ HTML แท็ก <table>, <tr>
ตัวอย่าง
Ordered List (รายการแบบเรียงลำดับ)
ส่วนสำคัญ คือ การจัดวางหน้าเว็บของคุณเพื่อแสดงขั้นตอนหรือรายการที่เฉพาะเจาะจงและสามารถเข้าใจได้ง่าย เช่น การใช้ H2 หรือ H3 นำเสนอแต่ละขั้นตอนหรือรายการในรูปแบบของหัวข้อย่อย
ในการจัดลำดับขั้นตอนหรือรายการของคุณให้ชัดเจนสำหรับ Google คุณสามารถใส่ข้อความ เช่น “ขั้นตอนที่ 1” หรือ “1” ในแต่ละหัวข้อย่อยได้ด้วย
ตัวอย่าง
รวมถึงการใส่ Table of Contents (สารบัญเนื้อหา) ที่เป็น Text Links สำหรับคลิกไปยังขั้นตอนแต่ละลำดับ
สิ่งที่ต้องจำไว้คือ อย่าเขียนขั้นตอนที่ซื้อกัน ให้เขียนขั้นตอนของคุณดังนี้:
ขั้นตอนที่ 1: ทำ X…
ขั้นตอนที่ 2: ทำ Y…
ขั้นตอนที่ 3: ทำ Z…
หรือ:
1. ทำ X…
2. ทำ Y…
3. ทำ Z…
Google สามารถเข้าใจได้ทั้ง 2 แบบ แต่แบบ “ขั้นตอนที่ …” จะเหมาะกับความเข้าใจของผู้ใช้มากกว่า
Unordered List (รายการแบบไม่เรียงลำดับ)
สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับ Ordered List (รายการแบบเรียงลำดับ)
ปรับหน้าเว็บของคุณให้เหมาะสมตามเงื่อนไข Long-Tail Keywords ต่างๆ
ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ ส่วนใหญ่จะปรากฏขึ้นเมื่อมีผู้ค้นหาด้วย Long-Tail Keywords (คำค้นหาแบบหางยาว)
ข้อความค้นหาที่ผู้คนใช้สำหรับ การค้นหาด้วยเสียง เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของการค้นหาประเภทนี้
ตัวอย่าง การค้นหาแบบเดิม
ตัวอย่าง ข้อความค้นหาแบบ Long-Tail ในรูปแบบการสนทนา
ประเด็นสำคัญคือ ไม่เพียงแต่ต้องเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของคุณสำหรับ Keywords ที่แสดงผลการค้นหาบน ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ, คุณยังต้องเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาให้เหมาะสมกับ Long-Tail Keywords ที่มักจะแสดงผลการค้นหาบน ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ ด้วย
จะรู้ได้อย่างไรว่า Long-Tail Keywords ที่เราควรจะกำหนดเป้าหมายเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพ มีคำใดบ้าง?
ขอแนะนำให้ตรวจสอบ ในส่วนของ “People also ask” (และผู้คนยังถามถึง) บนหน้าผลการค้นหาห
ตัวอย่าง คำค้นหาภาษาอังกฤษ
คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่เกี่ยวข้องซึ่ง Google พิจารณาว่าเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ Keywords ที่คุณเพิ่งค้นหา มีคำถามแบบ Long-Tail มากมายที่เราสามารถเขียนตอบได้ในหน้าเดียวกัน
ปรับโฟกัสการทำ SEO ในส่วน ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ ให้เหมาะสม
หากหน้าเว็บและเว็บไซต์ของคุณ มีพลังอำนาจ (Page Authority, Domain Authority) มากพอ คุณจะสามารถแสดงเนื้อหาจากหน้าเดียวกันบน ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ ในประเภทที่แตกต่างกัน ได้มากมาย
เช่น คำจำกัดความ, รายการแบบเรียงลำดับ และรูปแบบอื่น ๆ จากหน้าเว็บเพียงหน้าเดียว
ตัวอย่าง เว็บไซต์นี้มีเนื้อหาแบบคำจำกัดความ ที่ด้านบนสุดของหน้าเว็บ และยังมีคำตอบให้กับคำถามอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในหน้าเดียว
ปรับปรุงอันดับบน Google Search ของคุณ
การเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาสำหรับ ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ แต่ความจริงก็คือหากหน้าเว็บของคุณไม่ได้มีอันดับอยู่ใน “หน้าแรก” ของ Google โอกาสที่คุณจะได้รับการแสดงผลบน ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ นั้นแทบจะเป็นศูนย์ จากกรณีศึกษาของ Ahrefs, 99% ของ ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ ทั้งหมดมาจากหน้าเว็บที่ติดอันดับแล้วในหน้าแรก
เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลเมื่อกล่าวถึงเว็บเว็บที่มีอันในหน้าแรก นั่นหมายถึง หน้าเหล่านั้นมีเนื้อหาที่ดีที่สุดและน่าเชื่อถือที่สุดของ Google เกี่ยวกับหัวข้อนั้น ๆ ดังนั้น Google จึงไม่ต้องการดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ในหน้า 10 แม้ว่าจะมีรูปแบบที่สมบูรณ์แบบก็ตาม
ดังนั้นนอกจากการจัดรูปแบบเนื้อหาของคุณอย่างถูกต้องแล้ว ยังต้องทำอันดับให้ติดหน้าแรกด้วย เพื่อให้ได้ Google เห็นว่าเนื้อหาของคุณดีพอที่จะนำมาแสดงบน ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ
ตัวอย่าง เช่น หน้านี้จากเว็บไซต์ของผมแสดงบน ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ หลังจากที่หน้าเว็บของผมมีอันดับอยู่ในหน้าแรกของ Google สำหรับ Keywords นั้นแล้ว